ถึงสื่อมวลชนทุกท่านผมจะบอกความจริงเรื่อง ไข้หวัด 2009 ให้ทราบ
พวกคุณงงและสับสนกับเจ้าหน้าที่และหมอหลายคนที่ให้ข่าวไม่ค่อยตรงกันใช่มั้ยครับ?
ผมจะบอกข้อมูลอะไรให้ฟัง ซื่งคุณสามารถตรวจสอบได้เอง จากแพทย์ผู้เชื่ยวชาญด้าน ไวรัสวิทยา หรือจุลชีววิทยา ตามภาควิชาจุลชีววิทยาคณะแพทย์มหาลัยใหญ่ๆนะครับ
(กรุณาเลิกสัมภาษณ์นักการเมืองได้แล้วไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ควรสัมภาษณ์อาจารย์ที่เขารู้จริงทำงานเรื่องนี้จริงๆดีกว่า)
Mexicoนำหน้าเราอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตอนนี้น่าจะกำลังปีนเขาลูกที่ 2 อยู่
ตอนนี้การระบาดในบ้านเราน่าจะอยู่แถวๆดอยของเขาลูกที่ 1 แล้วที่เราว่าเป็นกันเยอะ ปิดโรงเรียนกันมากมาย ป่วยกันทั้งหมู่บ้านมันจะกลายเป็นเด็กๆไปเลย เมื่อของจริงมา อีกไม่นานเกินรอ
ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009
1. โรคนี้ไม่รุนแรง ไม่น่ากลัวอย่าสะดิ้งไปนะตะเอง????
Answer : มะเหงกแน่ะ ความจริงคือ
1. ไข้หวัด 2009 ดูเหมือนไม่รุนแรง อัตราตายต่ำ แต่แพร่ระบาดง่ายและรวดเร็ว (การแพร่กระจายสูง)
2. ความน่ากลัวของหวัด 2009 คือการกลายพันธุ์ต่างหากและการกลายพันธุ์จะเกิดง่ายที่สุด เมื่อคน 1 คน หรือสัตว์ 1 ตัว ทะลึ่งติดหวัด 2 ชนิดพร้อมกัน (เช่นหวัด 2009 + หวัด ธรรมดา พร้อมกัน หรือ หวัด 2009 + หวัดนกพร้อมกัน)
ขณะนี้"หวัดนกซึ่งรุนแรงและมีอัตราตายสูงมากกก ยังไม่ได้หายไป"
และแนวโน้มของหวัดนก จะ"ระบาดซ้ำอีก ทุกๆปลายปี"
แม้ว่าหวัด 2009 มันไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยให้แพร่แบบนี้"อีกไม่นานมันอาจผสมกัน"
.........เอาความสามารถในการแพร่กระจายของหวัด 2009 บวกกับความรุนแรงของหวัดนก เมื่อนั้นก็หายนะ !!!!!
และนั่นคือสาเหตุที่อยากให้คนไทยทุกคนดูแลสุขภาพให้ดี อย่าให้เป็นหวัดอย่าให้โรคนี้แพร่กระจายไปกว่านี้
ถ้าเป็นหวัดแล้ว แยกตัวจากคนอื่นทันทีอย่าแรดเดินตลาด อย่าแรดไปห้างหรือที่ชุมชน และใส่หน้ากากทันทีอย่าให้แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์รอบข้างถึงแม้จะอยู่บ้านที่มีสมาชิกแค่ 2 คนก็ตาม
2. ถ้าเป็นขึ้นมา ไปหาหมอเดี๋ยวก็หาย???
Answer : แม่เจ้าพศ.นี้ยังเข้าใจกันแบบนี้อีกเหรอนี่??
คุณรู้มั้ยว่าเวลาคุณไปหาหมอเพราะเป็นหวัด หมอจะจ่ายยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ให้คุณแต่ไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด!!!
นอกจากคุณติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เช่นทอนซิลอักเสบ คออักเสบ หมอจึงจะจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ติดซ้ำเติมให้ แต่ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสหวัดให้อยู่ดี!!
เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะยาฆ่าไวรัส มันแพงมาก และไม่คุ้มที่จะแจกจ่ายพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ไวรัสยิ่งกลายพันธุ์ดื้อยาขึ้นไปอีก
99.99% ของคลินิก และโรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงไม่มียารักษาการติดเชื้อไวรัสหวัดไว้ในสต็อกยาเลยครับ
สิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาไข้หวัด คือการกินยาลดไข้ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ตามอาการ แล้วนอนพักผ่อนมากๆ พยายามอย่าไปแพร่เชื้อใส่ใครเดี๋ยวก็หายครับ
ส่วน Tamiflu น่ะ อย่าไปหวังอะไรกับมันมากเลยครับเพราะ
- ตอนนี้ยาขาดตลาดสุดๆ รพ. หลายแห่ง หายานี้มา Stock ไว้ไม่ได้
- ยานี้จะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อคนไข้ถูกตรวจพบเจอก่อนเกิดอาการแล้วคนไข้คนไหนจะกระแดะเดินไปหาหมอตอนไม่มีอาการล่ะครับ ( ถึงกระแดะไปหาหมอก็ไม่กระแดตรวจ Swab ให้หรอก หรือ ถึงหมอกระแดะตรวจให้คุณจะกระแดะจ่ายค่าตรวจราคา4000+ บาท มั้ยล่ะครับ?)
- ตอนนี้เริ่มมีรายงานเชื้อดื้อยา Tamiflu แล้วครับ (บอกแล้ว ว่าไวรัสมันกลายพันธุ์ เร็วค่อดๆ)
3. ฉีดวัคซีนป้องกันได้???
Answer : วัคซีนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือวัคซีนป้องกัน ไข้หวัดใหญ่สเปนครับ
เป็น H1N1 เหมือนกัน แต่เป็นเชื้อคนละตัว (เหมือนตระกูลงวงคำเหมา เหมือนกัน แต่ หม่ำกับ ตุ๊กกี้เป็นคนละคนกันมีสิ่งที่ชอบที่กลัวไม่เหมือนกัน) พูดง่ายๆ คือ ในทางทฤษฎี วัคซีนนี้ไม่น่าจะป้องกันหวัด 2009 ได้เลย แต่ให้ฉีดไว้ก่อนเพราะ
- ตอนแรกนักวิทย์คำนวณไว้อยู่แล้วว่า ปีนี้ ไข้หวัดสเปนต้องระบาด (ใครจะนึกว่ามันทะลึ่งกลายพันธุ์เป็น 2009 ) อย่างน้อยการฉีดนี้เป็นการตัดไข้หวัดสเปนออกไปก่อน พูดง่ายๆ คือ ถ้าใครเดินมา รพ.เราจะได้สงสัยไปเลยว่าเป็น หวัด 2009 ไม่ใช่หวัดสเปนจะได้ง่ายต่อการควบคุมรักษา
- ถ้าเกิดไข้หวัดสเปน เกิดบ้าจี้ระบาดขึ้นมาพร้อมกันตอนนี้ อัตราตายมันสูงกว่า หวัด 2009 มากนะครับ
- แม้ทางทฤษฎี วัคซีนนี้จะกัน 2009 ไม่ได้เลย แต่ไหนๆมันก็เชื้อตระกูลเดียวกันและเป็นเชื้อใหม่ด้วย ใครจะไปรู้ว่ามันอาจป้องกันหวัด 2009 ได้ซัก 1% ก็ได้มีตังค์ก็ฉีดๆ ไปเหอะ Better Than Nothing แต่ต้องรู้นะ ว่า การฉีดวัคซีนนี้ไม่ได้แปลว่า คุณไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ได้แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อหวัด 2009 แล้วมันแค่ลดความเสี่ยงไปซักถึง 1% รึเปล่ายังไม่รู้เลย??
4. แล้วอะไร คือสิ่งที่ควรทำตอนนี้???
Answer :
4.1 ระดับส่วนตัวและครอบครัว
ในภาวะปกติ
ตอนนี้ต้องยอมรับว่าทุกแหล่งชุมชนคือจุดเสี่ยงในการแพร่ระบาด โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นห้องแอร์ระบบปิด เช่นในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง บนรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดินถ้าจะเดินเข้าแหล่งชุมชนเหล่านี้ควรใส่หน้ากากป้องกันตัวเองได้แล้วครับ!!!!!
ถ้าคุณมีอาการของโรคหวัดแค่ ไอ จามเล็กๆน้อยๆ
ควรแยกตัวจากครอบครัวและสังคมเท่าที่ทำได้เช่นแยกห้องนอนจากคนอื่น ถ้าต้องอยู่ร่วมกันก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา (หาซื้อไม่ได้ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกไว้ก็ยังดีกว่าหายใจรดกันตรงๆ)
ปิดปากปิดจมูกเสมออย่าหายใจรดใคร อย่าไอจามใส่ที่สาธารณะเลิกถ่มน้ำลายลงพื้นได้แล้ว
ล้างมือให้บ่อยที่สุดการเอามือไปป้ายโน่นป้ายนี่เป็นช่องทางการแพร่เชื้อที่ดีเยี่ยม
ตอนเช้าตื่นนอน กรุณาเปิดหน้าต่างกว้างๆ เปิดพัดลมไล่อากาศออกซักนิดก่อนจะให้ใครคนอื่นเดินเข้ามาในห้องเรา เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ปลอกหมอนหมั่นซักบ่อยๆ ( ไม่รู้มีคราบเสมหะ ตอนเราไอจามติดอยู่รึเปล่า )ล้างมือให้บ่อยที่สุด แต่ไม่ต้องถึงกับแยกห้องน้ำหรอกนะแค่เอาแปรงสีฟันเราออกมาเก็บเอง อย่าใส่ถ้วยเดียวกะคนอื่นก็พอ
อาการอย่างไรจึงควรไปตรวจที่รพ.?
1. มีไข้ 38ํC ขึ้นไปร่วมกับ
2. อาการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ, ไอ, หายใจผิด ปกติ (หอบ, ลำบาก), หรือแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม ร่วมกับมีผู้สัมผัสร่วมบ้านหรือในที่ทำงานป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่หรือปอดอักเสบ ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนวันเริ่มป่วย
ถ้าอาการแค่เป็นหวัดเจ็บคอธรรมดา ไข้ไม่สูงไม่นอนซม ไม่ต้องสะดิ้งวิ่งไปรับเชื้อที่รพ.นะครับ อย่าลืมว่าตอนนี้ รพ.นั่นแหละเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่ดีที่สุด.................
4.2 ระดับนโยบายของรัฐ และ สื่อมวลชน
มาดูกันนิดนึงว่าทำไมประเทศเราถึงควบคุมการระบาดไม่ได้เลย ขณะที่ประเทศต้นตำรับการระบาดอย่างMexicoซึ่งไม่ได้เจริญกว่าบ้านเราเลยเขาถึงควบคุมการระบาดระลอกแรกได้....
จำข่าวได้มั้ยครับ ว่าตอนแรกที่ Mexicoเขาระบาดเขาทำอะไรบ้าง ??
ปิดเลยครับ !!! เขากล้าพอที่จะปิด โรงเรียนทุกแห่งโรงหนังทุกแห่ง ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ทั่วประเทศ พร้อมกัน 1 สัปดาห์ พร้อมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อ ตามโรงหนัง ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆด้วย
นั่นคือสาเหตุที่เขาควบคุมการระบาดระลอกแรกได้ทันทีในสัปดาห์ต่อมา....
แล้วพี่ไทยล่ะทำอะไรบ้าง?? นอกจากออกข่าว ว่า ไม่มีอะไร้ ไม่น่ากลัว แต่คนติดเชื้อเพิ่มเป็นหลักร้อยหลักพันทุกวัน???
มัวแต่กลัวว่าเศรษฐกิจจะทรุด การท่องเที่ยวจะกระทบ ...
คิดกันบ้างมั้ยว่า ถ้าคนไทย ตัยหอง กันหมดจะมีเศรษฐกิจดีๆไว้ทำอารายจ๊ะ??
เศรษฐกิจ คือ สิ่งที่เราสร้างได้แน่นอนถ้าคนไทยยังมีลมหายใจอยู่คับ (ว้อยยยยยย )
และคุณสื่อมวลชนครับ ... ผมว่าถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องพูดความจริง.....
ถ้าจำไม่ได้ว่าผมพล่ามอะไร ให้พูดดังนี้นะครับ
1. โรคนี้ อันตรายครับ ....และยังกลายพันธุ์ให้อันตรายกว่านี้ได้อีกในปลายปีนี้ครับ
2. โรคนี้หวังพึ่งยารักษา ไม่ได้ครับ และตอนนี้เริ่มดื้อยาแล้วด้วยครับ
3. โรคนี้ต้องป้องกันอย่างเดียวครับ
4. จะควบคุมการระบาดได้ ต้องพร้อมใจกันใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ พร้อมกันทั้งสังคมครับ
5. จะควบคุมการระบาดได้ปิดโรงเรียน โรงหนัง ศูนย์การค้าใหญ่ๆ ได้แล้วครับ ขอแค่ 3 วันก็ยังดีครับ!!!!!
ของแถม (ส่วนนี้ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ช่างเถอะนะ)
ขออธิบายเรื่องการกลายพันธุ์ของไวรัสล้วนๆจะได้รู้ว่าทำไมผมถึงคิดว่าเราควรตื่นตัว
อธิบายความรู้พื้นฐานเพื่อให้เข้าใจก่อน
HOST = เหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( มนุษย์ หรือ หมู / นก สัตว์ต่างๆที่มันเข้าไปสิง)
HOST cell = เซลล์ ของเหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( เซลล์ มนุษย์ หรือ สัตว์)
+++ปฏิบัติการเมื่อไวรัสเข้าไปใน HOST Cell+++
ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ครบองค์ประกอบของการเป็นเซลล์มันจึงไม่สามารถแพร่พันธุ์ด้วยตัวเองได้ แต่จะแพร่พันธุ์โดยการฝังตัวเข้าไปใน HOST cell
ดูรูปประกอบ พื้นที่ สีชมพูทั้งหมด คือ HOST cell
รูปหกเหลี่ยมสีเหลือง คือไวรัส
หมายเลข 1-2 คือ ไวรัส สัมผัสผิวเซลล์แล้วจะละลายตัวเองเข้ากับผนังเซลล์ บุกเข้ามาภายใน Host Cell
หมายเลข 3 เมื่อเข้ามาแล้ว ไวรัสจะสลายเปลือกตัวเอง เหลือแต่ RNA คือเกลียวสีแดงในรูป
หมายเลข 4a RNA คือสารพันธุกรรมของไวรัส ที่จะหลอกล่อ RNA ของHost ( เกลียวสีน้ำเงิน) ให้มาประกบตัว เพื่อสร้างไวรัสตัวใหม่ออกมามากมาย (ปกติ RNA ของมนุษย์ มีไว้สร้าง โปรตีน และสารจำเป็นอื่นๆต่อร่างกายและแน่นอนมันเป็นสารที่มีรหัสพันธุกรรมมนุษย์อยู่ด้วย)
ในรูป
4b คือ RNA ไวรัส หลอก RNA มนุษย์ ให้สร้างเปลือกใหม่ให้มันแทนอันที่มันสลายทิ้งไปตอนแรก
4c คือ RNA ไวรัส หลอก RNA มนุษย์ ให้สร้าง RNA ไวรัสใหม่ (ที่ปะปนกับ RNA มนุษย์ เรียบร้อยแล้วจะกลายพันธ์ได้ช่วงที่หนึ่งก็ตอนนี้แหละ)
หมายเลข 5-6 ประกอบร่างกันใหม่อีกครั้ง ได้เป็นไวรัสลูก (ที่ขโมย RNA ของ Host มาผสมเรียบร้อย) จำนวนนับหมื่นนับแสน เข้าละลายผนังเซลล์ ของ Host แล้วบุกออกจากตัว Host ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง.......ระบาดดดนั่นเอง.....
ไวรัสกลายพันธ์อย่างไร
1. Mutation =การผ่าเหล่าของพันธุกรรม : วิธีนี้ช้า ในมนุษย์ ใช้เวลาหลายร้อยชั่วคนแต่ในไวรัส ไม่กี่รุ่นก็ทำได้ (จำคำอธิบายข้างต้นว่า เพียงพ่อเดียว( host ที่ไวรัสไปฝังตัว--> ไวรัสก็ออกลูกได้เป็นหมื่น จึงไม่ต้องรอหลายรุ่นอย่างมนุษย์) และแน่นอน ไม่ต้องรอนับพันปีอย่างมนุษย์ไวรัสใช้เวลาเป็นวัน หรือ ชั่วโมงเท่านั้น
2. Genetic Recombination เป็นวิธีที่เร็วอย่างน่ากลัวเข้าไปอีกอธิบายดังนี้.....
โปรดดูรูปประกอบอีกครั้ง เกลียวสีแดงๆนั้นแทน RNA ซึ่งล่องลอยไปมาในเซล
คราวนี้ลองนึกภาพว่า ถ้ามีไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปบุกเข้าไปในเซล์Host พร้อมกัน ไวรัสนั้นจะสลายเกราะ ปล่อย RNA ของมันออกมาล่องลอยในเซลล์ก่อนจะประกอบร่างตัวเองขึ้นมาใหม่เป็นไวรัสลูกหลานออกนอกเซลล์ไอ้ตอนนี้แหละท่านผู้ชม... มันก็ลากเอา RNA อะไรก็ได้มาประกอบร่าง (ทั้งของไวรัสอีกตัวนึง กับของ Host ) ผสมกันออกจากเซลล์ กลายเป็นไวรัสพันธุ์ใหม่เสร็จสรรพ.....
นี่คือที่มาว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ธรรมด๊าธรรมดา กลายมาเป็นไข้หวัดหมู เม็กซิโก 2009 ได้ยังไง
สรุปง่ายๆคือ Host ( คนหรือสัตว์) เกิดแจ็คพ็อตติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปในคราวเดียวกันไวรัสก็จะไปผสมพันธุ์กันในร่างเหยื่อคนนั้น ก่อให้เกิดไวรัสพันธ์ใหม่พร้อมกันทีเดียวหลายพันหลายหมื่นเผ่าพันธ์ แต่แน่นอน การผสมมั่วซั่วเหล่านี้ไวรัสพันธ์ใหม่ที่ได้ส่วนใหญ่ จะอยู่ไม่รอดในธรรมชาติแต่มันหลุดมาเป็นหมื่นชนิดมีหรือจะไม่มีชนิดนึงเล็ดรอด ใช่แล้วและตัวที่รอดออกมาก็คือ “ ไข้หวัดใหญ่ เม็กซิโก 2009 SWINE FLU ”
ดูแล้วพอจินตนาการได้มั้ยครับ ว่าถ้ามันจะกลายพันธุ์ต่อก็ใช้วิธีเดียวกันได้ไม่ยากเลย!!!!!!
The bad news: the flu vaccine will not protect you.
ข่าวร้ายวัคซีนไข้หวัดแบบปัจจุบันยังป้องกันอะไรไม่ได้
The good news: antiviral drugs (Tamiflu and Relenza) will work.
ข่าวดี : เค้าว่า ยา Tamiflu ช่วยได้
The bad news: antiviral drugs are not very effective after symptoms start, which is why they are not commonly used in medical practice.
ข่าวร้าย : ยาพวกนั้น จะใช้ไม่ค่อยได้ผล เมื่อเริ่มมีอาการแล้วววว นั่นคือสาเหตุที่หมอเองยังไม่ค่อยมีโอกาสสั่งยาพวกนี้เลย (ใครมันจะไปหาหมอกินยาก่อนมีอาการฟะ????)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น